แบบฟอร์ม FSC5-5

การใช้สารเคมี การเก็บรักษาสารเคมี การกำจัดขยะ การป้องกันโรคและแมลง (A5C5, A5C11, A6C13 และ A6C14)
ตรวจกลุ่ม/องค์กร
หัวข้อ/ประเด็นของการใช้สารเคมีและการกำจัดขยะ
การป้องกันโรคและแมลง
ความคิดเห็นของการปฏิบัติ
ปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติ
การพิจารณาใช้สารเคมี
1. พิจารณาหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีให้น้อยที่สุดก่อนเป็นลำดับแรก
2. ใช้สารเคมีปราบวัชพืชได้เมื่อโคนต้นยางมีส่วนที่เป็นสีน้ำตาล สูงกว่า 75 เซนติเมตรจากพื้นดิน
3. แนวยางต้องปราบวัชพืชเป็นแนวกว้างประมาณ 2 เมตร
4. พิจารณาเลือกใช้สารเคมีให้เหมาะสมกับชนิดวัชพืชและอายุต้นยางพารา และไม่อยู่ในบัญชีต้องห้าม
ของ FSC
5. สารเคมีที่แนะนำให้ใช้ในการกำจัดวัชพืชมีอยู่ 2 ประเภท คือ สารเคมีกำจัดวัชพืชทั่วไปในสวนยาง
(ยกเว้นหญ้าคา) และสารเคมีกำจัดหญ้าคาในสวนยาง
ความปลอดภัยในการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช
1. อ่านฉลากก่อนใช้สารเคมี
2. แต่งกายให้มิดชิดและรัดกุม
3. ภาชนะบรรจุยาเมื่อใช้แล้วควรนำไปทิ้งเป็นขยะอันตรายและสารเคมี และนำไปกำจัดให้ถูกต้องต่อไป
4. ขณะพ่นยาต้องอยู่เหนือลมเสมอ
5. ทำความสะอาดถังพ่นยาและอุปกรณ์ทุกครั้งหลังการใช้งาน (ห้ามล้างในแม่น้ำ ลำคลอง)
6. ห้ามสูบบุหรี่ รับประทานอาหารขณะพ่นสารเคมี
7. อาบน้ำชำระร่างกายและซักเสื้อผ้าหลังการพ่นสารเคมีทุกครั้ง
8. ระวังอย่าให้สารเคมีเข้าปาก ตา จมูก หรือถูกผิวหนังและเสื้อผ้า
การกำจัดภาชนะบรรจุสารเคมีหรือน้ำมันต่าง ๆ
1. ภาชนะบรรจุสารกำจัดวัชพืช เช่น ขวด กล่องถุงพลาสติกล้างภาชนะดังกล่าวทันทีด้วยน้ำสะอาด
ประมาณ 3 ครั้ง
2. ห้ามนำภาชนะบรรจุที่ใช้หมดแล้วไปเผาไฟ
3. ไม่ควรใช้วิธีฝังดิน แต่ให้เก็บรวบรวม แยกประเภทของภาชนะและรวบรวมนำมากำจัดรวมกันของกลุ่ม
หรือขายให้บริษัทรับซื้อกำจัดสารเคมีและภาชนะบรรจุสารเคมี
การเก็บรักษาสารเคมี
1. ควรเก็บสารกำจัดวัชพืชไว้ในห้องหรือที่เก็บโดยเฉพาะ มีกุญแจ มีการถ่ายเทอากาศดี ไม่ควรให้แดด
ส่องถึง
2. ควรเก็บสารเคมีทุกชนิดให้ห่างจากเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหารและภาชนะบรรจุอาหาร
3. สถานที่เก็บควรเป็นพื้นคอนกรีต สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
4. ภาชนะที่บรรจุสารเคมีควรมีความแข็งแรงทนต่อแรงกระแทกจากภายนอก
5. ชั้นวางสารเคมีต้องมีความแข็งแรง มั่นคง
6. สำหรับตำแหน่งที่จัดเก็บสารเคมี ไม่ควรวางกับพื้น
7. ต้องมีระบบการจัดเก็บสารเคมีที่มีระเบียบ บริเวณที่จัดเก็บต้องสะอาดอยู่เสมอ
ข้อควรปฏิบัติในการพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืช
1. ผู้ปฏิบัติสวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ผ้าปิดจมูก แว่นตา ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว สวมถุงมือยาง
และรองเท้าบูธ ทุกครั้ง
2. ใช้ชนิดและปริมาณของสารกำจัดวัชพืชที่ถูกต้อง
3. ต้องทราบวิธีการใช้เครื่องพ่น และวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้อง
4. เลือกช่วงจังหวะการพ่นให้เหมาะสม เช่น พ่นลมเมื่อลมสงบ หรืออยู่เหนือลมขณะพ่นยา
5. ให้ละอองสารกำจัดวัชพืชกระจายคลุมเป้าหมายอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ
6. หลีกเลี่ยงการพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืชในขณะที่มีลมแรง กรณีที่มีลมแรงปานกลางสามารถทำการพ่น
สารกำจัดวัชพืชได้ โดยผู้พ่นจะต้องอยู่เหนือลม
7. ควรใช้หัวพ่นชนิดละอองหยาบและอัดลมไม่แรงเกินไป
8. การใช้เครื่องพ่นสารกำจัดวัชพืชไม่ว่าจะใช้ในแปลงปลูกพืชขนาดใหญ่ หรือขนาดเล็กก็ตาม เมื่อเสร็จ
สิ้น การใช้งานต้องทำความสะอาดเครื่องพ่นเสมอ
9. การห้ามใช้สารเคมีทางการเกษตรตามประกาศ พรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ที่ห้ามใช้ในประเทศไทย
และสารเคมีที่ FSC ห้ามใช้ตามข้อกำหนด
10. ล้างเครื่องพ่นยาทุกครั้งหลังจากเสร็จกิจกรรมนั้น เพื่อป้องกันสารเคมีตกค้าง คว่ำภาชนะพ่นยาให้
แห้ง และเก็บเข้าที่ให้เป็นระเบียบ
10. หลังพ่นยา หรือหลังจากการใช้สารเคมี ต้องชำระล้างร่างกายทำความสะอาดด้วยสบู่ทุกครั้ง
การกำจัดขยะในแปลงปลูก
1. ขยะทั่วไปหรือขยะอื่น ๆ ที่สามารถย่อยสลายได้ให้เกษตรกรดำเนินการฝังกลบในพื้นที่แปลงยางพารา
หรือจุดที่กำหนดให้เป็นพื้นที่ฝังกลบ
2. ขยะทั่วไปที่แปลงยางพาราอยู่ในพื้นที่เขตเทศบาล หรือตำบล ให้ดำเนินการส่งกำจัดตามพื้นที่เทศบาล
หรืออบต. ที่กำหนดไว
การทำลายภาชนะสารเคมี
1. ภาชนะทำลาย มีการรวบรวมขยะภาชนะสารเคมีมาจากบ้านของสมาชิกกลุ่มบรรจุใส่ถุงดำ มัดปากถุง
ให้เรียบร้อย แล้วนำมารวมที่กลุ่มเกษตรกร หลังจากงนั้นกลุ่มเกษตรกรทำการรวบรวมขยะภาชนะ
สารเคมีของสมาชิกและนำส่งเจ้าหน้าที่สุขาภิบาล ประจำตำบล
การป้องกันโรคและแมลง
1. กำจัดวัชพืช ตัดแต่งกิ่งในสวนยางให้โล่งเตียนและอย่าปลูกยางให้หนาแน่นเกินไป เพื่อให้อากาศถ่ายเท
ได้สะดวก และความชื้นในสวนยางพารา
2. เมื่อแหล่งปลูกยางที่เป็นเขตระบาดของโรค ไม่เลือกปลูกยางพันธุ์ที่อ่อน
3. ต้นยางใหญ่ที่เป็นโรครุนแรงจนใบร่วงหมด ควรหยุดกรีดและใส่ปุ๋ยบำรุงต้นยางให้สมบูรณ์
4. ต้นยางเล็กที่เริ่มแสดงอาการตายจากยอด ให้ตัดยอดต่ำกว่ารอยแผลประมาณ 5 เซนติเมตร
5. หากในแปลงขยายพันธุ์ยางเกิดการระบาดของโรค ควรแยกต้นยางชำถุงที่เป็นโรคออกจากแปลง และ
ฉีดพ่นสารเคมีเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค
6. ในฤดูฝน ควรทาสารเคมีป้องกันกำจัดโรคที่หน้ากรีด และหลีกเลี่ยงการกรีดยางขณะต้นเปียกในช่วงที่
มีโรคใบร่วงและฝักเน่าระบาด
7. หากต้นยางเป็นโรคเปลือกเน่า ให้ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราทาหน้ากรีดยาง โดยขูดเอาส่วนที่เป็น
โรคออกแล้วทาสารเคมีจนกว่าหน้ากรีดยางจะแห้งเป็นปกติ
8. มีการใส่ปุ๋ยเคมีในช่วงปลายฤดูฝนตามคำแนะนำเพื่อให้ใบที่ผลิตออกมาใหม่สมบูรณ์และแก่เร็ว พ้น
ระยะอ่อนแอต่อการเข้าทำลายของเชื้อ
9. หากเกิดการระบาดรุนแรง ต้นยางที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี ควรติดตาเปลี่ยนเป็นพันธุ์ใหม่ที่ต้านทานโรค
10. มีการบริหารจัดการการระบายน้ำในพื้นที่ที่มีการระบายน้ำไม่ดี
11. มีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เพื่อช่วยปรับโครงสร้างและแร่ธาตุอาหารของดิน
12. มีการใช้สารเคมีฉีดพ่น เพื่อควบคุมการระบาดของโรคในแปลงขยายพันธุ์ หรือหากเกิดโรครุนแรงใน
แปลงปลูกที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี